วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557



              BMW R51/3 ปี 1954








มอเตอร์ไซค์ BMW R51/3 Motorcycle เพิ่งมาใหม่ในราคาที่ “ตื่นตะลึง” สมฐานะ กับรถสรรพคุณ “เพลาเปลือย-หน้ากระบอก-หลังสไลด์” เครื่องยนต์ “สูบนอน” บล็อก กลางขนาด 5 แรง “เจนท์ที่ 3″ ภายใต้ครอบครัวตระกูล R51 รถรุ่นพี่ที่เคยกวาดรายได้หลักให้โรงงานมาตั้งแต่ปี 1938…






“ทับสาม“… คือเวอร์ชั่นขัดเกลาในขั้น “สุดเจ๋ง” ก่อนส่งออกสู่ตลาด และ มันยังคงสร้างรายได้ก้อนโตๆ อย่างที่ถนัด แบบผลิตเก่าๆ ในรุ่นคลาสสิก ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ นี่คือ ผลลัพธ์ ที่คุ้มค่าแรง ที่ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ต่างพึงพอใจ ในฐานะ รถจักรยานยนต์รุ่นที่ดีสุด รุ่นหนึ่ง…ของโลก!!!




BODY/ FRAME ของ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค BMW R51/3 ปี 1954
มอเตอร์ไซค์ BMW R51/3 คือรถเจเนอเรชั่น “ท้ายสุด” ของ BMW ที่อิงแบบผลิตดั้งเดิมในแบบรถหน้ากระบอก เฟรมหลังสไลด์…ร่วม “3 ทศวรรษ” ตั้งแต่ R32 คันแรกถูกสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1923 โครงสร้างเฟรมแบบท่อกลม หน้าแหนบ ถังใต้เฟรม หลังแข็ง คือความลงตัวที่ถูกถ่าย ทอดจากมันสมองของ Max Priz วิศวกรการบินผู้โด่งดัง…
1929 มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเฟรมครั้งใหญ่ด้วยงานโลหะ ปั๊มขึ้นรูป หน้าแหนบ ถังในเฟรม หลังแข็ง โปรดักต์โมเดลแรกเป็นที่รู้จักทันทีในนามของ R11…ถัดมา…1935 R12 กับโครงสร้างเฟรมปั๊ม หน้า กระบอก ถังในเฟรม หลังแข็ง ถูกผลิตออกมา…และ…ตามด้วย 1936 โครงสร้างใหม่ที่ปรับเปลี่ยน เฟรมปั๊มขึ้นรูปถูกแทนด้วย เฟรมท่อ กลม หน้ากระบอก ถังบนเฟรม R5 รถรุ่นสุดท้ายที่ยังคงรั้งพันธนาการ ด้วยเฟรมหลังแบบฮาร์ดเทล ที่แข็งแกร่ง… ก่อนส่งต่อ…ด้วยเฟรม หน้ากระบอก หลังสไลด์คันแรกในปี 1938 จากรถรุ่น R51




R51 เลือกใช้เฟรมท่อกลม หน้ากระบอกไฮดรอลิก ที่ได้รับการพิสูจน์ ในขณะที่นวัตกรรมใหม่เอี่ยมที่เรียกว่า “เทเลสโคปิค แอฟซอฟต์” ก็ได้รับการพัฒนา “หลังสไลด์” บ้านเรากลับเรียกขานอย่างนั้น นี่คือระบบแอฟซอฟต์ที่วางแกนเพลาล้อหลังเข้าไว้กับแนว กระบอกไฮดรอลิก พร้อมติดตั้งคอยล์สปริงในปลอกเดียวกัน มันนิ่มนวลขึ้น ซึ่งโรงงานก็บัญญัติศัพท์แสงอย่างเป็นทางการว่า “Telescopic suspension” โครงสร้างแบบใหม่นี้ ถือเจเนอเรชั่นที่ 5…ก่อน…ปิดท้ายด้วยความนิ่มนวลบนบอดี้ของ R50 ในชื่อสามัญว่า “โช้คสวิงอาร์ม” ตั้งแต่ปี 1955 และยังคงใช้กระทั่งวาระสุดท้ายของยุครุ่งโรจน์…ถึง…ปี 1969 




ENGINE เครื่องยนต์ของ มอเตอร์ไซค์ BMW R51/3


เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ Flat-Twin (1923-1969) ระบายความร้อนด้วยอากาศ ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1923 จากความคิดที่ว่า เครื่องยนต์ “สูบนอน” สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า เพราะเสื้อสูบจะปะทะกับอากาศได้โดยตรง
โดยความคิดดังกล่าวถือเป็น ประเพณีที่ถูกสืบทอดยาวนานมากระทั่งปัจจุบัน ภายใต้รหัสเครื่องยนต์ที่สะอาดตาว่า “บล็อก R” ที่ผลิตออกจำหน่ายทั้ง ระบบไซด์วาล์ว (SV) และ โอเวอร์เฮดวาล์ว (OHV) โดยมีปริมาตรกระบอกสูบตั้งแต่ 494/594 และ 745 ซี.ซี….
R51/3 ถูกผลิตภายใต้พื้นฐานของ เครื่องยนต์โมเดล R51 ที่เปิดตัวในปี 1938 ด้วยปริมาตรกระบอกสูบ/ช่วงชักที่ 68/68 มม. ทว่า วิศวกรก็ไม่ลืมพัฒนาในเรื่องของ “รอบเครื่องยนต์” ที่เพิ่มขึ้นจาก 5,600 รอบ/นาที เป็น 5,800 รอบ/นาที ที่ 24 แรงม้า เท่ากัน จะเรียกว่า…นี่…เป็นเสมือนการจับเอาทั้ง R51, R51/2 มาอัพเกรดก็เห็นจะได้
ซึ่ง R51/3 ถือโอกาสลอง “ชุดไฟ” ตัวใหม่จากค่ายพันธมิตรในนามของ Noris (ทั้ง R51, R51/2 ต่างใช้ชุดไฟของ Bosch)…มันเวิร์ค!!! ด้วยยอดการผลิตจำนวนถึง 18,420 คัน ที่ทยอยออกสู่ตลาดทั้งในและนอกเยอรมนี… ซึ่ง…ถือเป็นเครื่องยนต์ขนาด 494 ซี.ซี. บล็อกสุดท้ายที่รับเอา “ความเป็นที่สุด” ของโรงงานไป…เต็ม…เต็ม!!!





TRANSMISSIONระบบขับเคลื่อนด้วย “เพลา” อันเป็นเอกลักษณ์นั้น BMW ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ข้อดีในเรื่องการดูแลรักษาที่ไม่ต้องมีการปรับ ตั้ง และไร้เสียงรบกวนที่ชวนหัวเสียจึงเป็นข้อได้เปรียบ กระนั้นก็ยังต้องหมั่นดูแลน้ำมันเฟืองท้ายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน หากไม่พิสมัยการ “ยกยวง” หรือหากจะมีการปรับเปลี่ยนทดเฟืองท้าย ก็สามารถทำได้ให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้งาน ซึ่งการพัฒนาข้างต้น R51/3 ยังคงรับอานิงสงส์ชุดขับหลัง (เพลาเปลือย) จาก R51 มาชนิดยกยวง ทว่า ก็ปรับอัตราช่วงทดเกียร์ต้นใหม่ เพื่อเพิ่มแรงฉุดกระชากมาก ยิ่งขึ้น (R51, R51/2 อัตรา 3.6/ 2.28/ 1.7/ 1.3) เป็น 4.0/2.28/1.7/1.3 เกียร์เดินหน้าแบบ 4 เกียร์ กับชุดขับเพลาหน้า/หลัง ขนาด 9/35 ฟัน คืออัตราทดสำหรับรถถนนใช้งานทั่วไป ทว่า หากพิสมัยติดตั้งไซด์คาร์ของ Steib รุ่นต่างๆ ค่าสัมประสิทธิ์ที่ลงตัว ขนาด 7/32 ฟัน ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่า




จาก…R51…R51/2…ถึง R51/3 นั้น ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 10 ปี (ครึ่งหนึ่งถูกใช้ไปกับภาวะสงคราม) และเฉพาะไลน์ผลิตของ R51/3 เองยังถูกแบ่งออก เป็น 2 เวอร์ชั่น ด้วยกัน 1951-1953 รถหน้ากระบอกปลอกโช้คเหล็ก ดุมเสี้ยว ถูกแทนที่ด้วยโช้คอัพหน้า ปลอกยางย่นกันฝุ่น กับดุมเต็มขนาด 200 มม. มันสวยงาม ทันสมัย และเติมเต็มส่วนที่ขาดหายให้สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการ…ทว่า…ก็ น่าเสียดาย ภายหลังจากนั้นเพียงปีเดียวแบบการผลิตดั้งเดิมถูก…ปฏิวัติ!!! โครงสร้างใหม่ที่รู้จักกันในนามรุ่น “สวิงอาร์ม”…ก็ถือกำเนิดขึ้น ในปี 1955 ในนามของรุ่น…R50 !?!?! 



ที่มา  http://bmw.in.th/index.php?action=recent

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557


honda CB350


Honda CB350 4






ผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผมจะยังอยู่ที่ค่ายHondaนะครับ ซึ่งวันนี้ผมจะนำเจ้าHonda CB350มาReviewให้ท่านผู้ชมได้รับชมกันก่อนที่เราจะมาชมกัน ก่อนอื่นเลยผมต้องขออธิบายไว้ก่อนเลยนะครับสำหรับเจ้าHonda CB350ตัวนี้จะมีรุ่นที่แยกออกมาอีกซึ่งสำหรับรุ่นที่แยกออกมานั่นก็คือ รุ่นCB350S,รุ่นCB350Super Spot,CB350disc,CB350F,CB350F1Four นั่นเองครับซึ่งสองรุ่นหลังนี้จะเป็นตัวสี่สูบครับแต่cc.เท่าเดิม ซึ่งสเปคของรถนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากครับสำหรับภายใน จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนแค่ภายนอกเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมจึงจะนำเอาเจ้าCB350ตัวนี้มาReviewให้ได้รับชมส่วนประกอบภายในกันนะครับซึ่งถ้ารุ่นไหนแตกต่างออกไปเดี๋ยวผมจะอธิบายแบบง่ายๆให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นกันนะครับ เจ้าCB350ตัวนี้จะเป็นรถในช่วงปี1968-1986ครับ สำหรับความนิยมในรุ่นนี้จะอยู่ที่77%นั่นเองครับผม เอาหล่ะครับเรามาเริ่มReviewกันที่ระบบเครื่องยนต์ก่อนเลยดีกว่าครับ





ระบบเครื่องยนต์ของเจ้าCB350ตัวนี้จะเป็นเครื่องยนต์แบบ4จังหวะระบบSOHCครับ ตัวเครื่องจะใช้อากาศขณะขับขี่ในการระบายความร้อน เจ้าCB350ตัวนี้จะมีขนาดความจุของกระบอกสูบอยู่ที่325cc. มีลูกสูบทั้งหมด2ลูกแต่ละลูกมีขนาด64×50.6มิลลิเมตร เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังอัดได้ถึง9.5:1 สำหรับเจ้าCB350คันนี้จะใช้คาร์บูเรเตอร์รุ่นKeihinปากคาร์บูกว้าง22มิลลิเมตรจำนวน2ตัวคอยควบคุมการจ่ายน้ำมันและการดูดอากาศ เครื่องยนต์สองสูบตัวนี้สามารถสร้างแรงม้าได้36แรงม้าที่10500รอบ ซึ่งจะสามารถทำความเร็วได้165กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ102.5mph ขยับมาที่ระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์นั่นเองครับ ระบบเกียร์เจ้าCB350นี้จะเป็นเกียร์แบบ5-Speed ส่วนระบบคลัชก็จะเป็ฯระบบคลัชเปียกหรือคลัชน้ำมัน และสุดท้ายความจุของถังน้ำมัน ถังน้ำมันใบนี้สามารถจุได้ทั้งหมด10ลิตรนั่นเองครับผม

ระบบช่วงล่างของเจ้าHonda CB350คันนี้นะครับก็จะประกอบไปด้วยระบบโช๊คหน้ากันสะเทือนแบบTelescopic และโช๊คหลังสปริงแบบคู่ยึดกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกก็จะเป็นระบบดรัมเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยครับ ส่วนขนาดของล้อและยางของเจ้าCB350นี้นะครับ ล้อหน้าจะมีขนาด3.00×18และล้อหลังจะมีขนาด3.50×18ครับ ด้วยส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักรวมทิ้งสิ้น149กิโลกรัมนั่นเองครับ สำหรับเจ้าHonda CB350คันนี้นะครับที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วนะครับที่ว่ามันมีหลายรุ่น จริงๆแล้วตัวเครื่องมีส่วนประกอบต่างๆเหมือนกันทุกอย่างเลยครับจะมีแปลกหน่อยก็จะเป็นเจ้าตัว CB350F และเจ้า CB350F1Fourนั้นเองครับที่มีลูกสูบทั้งหมด4ลูกและขนาดของลูกสูบจะมีขนาดเล็กกว่าCB350รุ่นปกติครับส่วนเจ้าตัวCB350discชื่อก็บอกแล้วครับว่าเป็นรุ่นดิสเบรกแต่ไม่ใช้ดิสเบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังนะครับ มีแค่ดิสเบรกหน้าขนาด360มิลลิเมตรนั้นเองครับส่วนตัวอื่นก็ปกติครับเปลี่ยนเเค่รูปโฉมตัวรถเฉยๆเท่านั้นเอง หวังว่าวันนี้ท่านผู้อ่านคงจะได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับเจ้าHonda CB350กันมากขึ้นนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณที่มาติดตามรับชมกันนะครับผม


Honda CB350


Specifications of Honda CB350
Model Year – 1972
Engine
Engine – Air cooled, four stroke, twin cylinder SOHC
Capacity – 325
Compression Ratio – 9.5:1
Bore/stroke – 64 х 50.6 mm
Power – 36 hp @ 10500rpm
Top speed – 165.0 km/h (102.5 mph)
Carburetion – 2x Keihin 22 mm
Transmission – 5 Speed
Fuel capacity – 10 Litres
Suspension
Front Suspension –Telescopic forks
Rear Suspension – Dual chocks
Brakes – Front Drum,rear drum Except model CB 350 Disc,CB 350F Four,CB 350F1 Four,are Front Brakes is disc
Wheels – 3.00-18
Rear wheel – 3.50-18
Weight – 149 kg

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557



กำเนิดมอเตอร์ไซ BMW 



เมื่อพูดถึงสงคราม ความแค้นและมอเตอร์ไซค์ คำ3คำนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าเดินย้อนหลังกลับไปขุดคุ้ยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็จะรู้ว่ามนุษย์นั้นเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างแท้จริงเมื่อ98ปีก่อนผู้คนกว่า40ล้านคนต้องสังเวยชีวิตในสงครามโลกครั้งแรกซึ่งถือเป็นกิจกรรมแห่งการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ได้มอบไว้ให้กับโลกใบนี้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบนโลกครั้งใหญ่รวมไปถึงเรื่องราวของการพลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์ไซค์ไปตลอดการ

ชนวนเหตุสงครามโลก

จุดแตกหักเกิดขึ้นที่บอสเนีย 28 มิถุนายน ค.ศ 1914 เมื่อ กาวริล ปรินซิป (Gavrilo Princip)
นักศึกษาชาตินิยมหัวรุนแรงชาวเซอร์เบียเป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกโดยการลอบปลงพระชนม์ อาร์คดยุค ฟรานซิส เฟอร์ดินัล ( Archduke Francis Ferdinand)
มกุฎราชกุมารแห่ง ออสเตรีย-ฮังการี ความตึงเครียดเกิดขึ้นในระดับประเทศทันที อุณหภูมิแห่งไฟสงครามเริ่มคุกรุ่น และอีกเพียง1เดือนให้หลังการทำลายล้างก็เริ่มขึ้นออสเตรีย-ฮังการี ประกาศที่จะถอนรากถอนโคนเซอร์เบีย โดยมีชาติมหาอำนาจอย่างเยอรมันนีคอยหนุนหลัง ในนามของฝ่ายมหาอำนาจกลาง
รัสเซียซึ่งเคยผิดใจกับออสเตรีย-ฮังการีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วสบโอกาสที่จะชำระหนี้แค้นในอดีต
จึงกระโดดเข้าร่วมรบกับเซอร์เบียทันที พร้อมลากเอาพี่ใหญ่อย่างอังกฤษและฝรั่งเศลเข้ารวมวงด้วยในนามของฝ่ายสัมพันธมิตร ช่วงต้นของสงครามดูเหมือนฝ่ายเยอรมันจะชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้ได้มากกว่าแต่เหตุการณ์ ทั้งหมดกลับพลิกผันเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมสงคราม โดยการส่งกำลังทหารกว่า5 ล้านนายเข้าสนับสนุนการรบของฝ่ายสัมพันธมิตรการต่อสู้กินเวลายืดเยื้อยาวนาน
กว่า4ปี5เดือนจึงยุติลง ผลก็คือฝ่ายเยอรมันแพ้สงคราม และประกาศเซ็นสัญญาสงบศึก
ในวันที่ 11 พฤศจิการยน ค.ศ. 1918


กำเนิด BMW

7มีนาคมค.ศ.1917ทางตอนเหนือของเมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีโรงงานของBMW
ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินรบของกองทัพเยอรมัน 
แต่หลังจากที่เยอรมันแพ้สงครามโลก ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับ BMW
สนธิสัญญาแวร์ซายถูกล่างขึ้น โดยฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาในร่างสนธิสัญญาทำให้
เยอรมันต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อถูกบีบบังคับให้ต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลมิหนำซ้ำยังต้องเสียดินแดนในยุโรปอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รายละเอียดในร่างสนธิสัญญา
ยังห้ามมิให้เยอรมันทำการผลิตอาวุธยุทโธปกรใดๆที่ใช้ในการรบซึ่งข้อนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยตรง
กับBMWที่มีฐานอุตสาหกรรมหลักในการผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินรบของกองทัพเยอรมัน สภาพการของโรงงานBMWในขณะนั้นตกอยู่ในห้วงของศูนยากาศขาดรายได้ที่จะพยุงให้ธุระกิจ
อยู่รอดต่อไป
แต่เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าBMW จึงเดินหน้าแปรสภาพโรงงานที่เคยใช้ผลิตเครื่องยนต์
มาเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ออกขายเพื่อต่อลมหายใจให้กับตนเองแต่สถานการณ์กลับแย่ลงเมื่อยอดการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์มีน้อยมากจึงทำให้BMW ต้องปรับกลยุทธครั้งใหม่โดยการหันมา
ประดิษฐ์คิดค้นรถจักรยานแบบติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด1แรงม้าออกมาจำหน่าย
แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมอีกเช่นเคย


การมาของ Max Friz สุดยอดวิศวกรอัจฉริยะ
Max Friz วิศวกรหนุ่มจาก Daimler ก้าวเข้ามาที่ BMW โดยการชักนำของ 
Franz Joseph Popp (Technical Director) ของ BMWในขณะนั้น Friz ถูกแต่งตั้งให้เป็น 
Engine Disignerรับผิดชอบในการปรับปรุงเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของBMW ที่กำลังประสบปัญหาทั้งในเรื่องของการออกแบบและประสิทธิภาพการทำงานFrizได้เข้ามามี
บทบาทอย่างมากมายในการปรับปรุงระบบคาบูเรเตอร์ให้เครื่องยนต์จนทำให้เครื่องบิน
ที่ใช้เครื่องยนต์ของBMWสามารถทำการบินได้สูงถึงระดับ32000ฟิต ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติโลก
ที่เคยทำไว้อย่างราบคาบ


กำเนิด Rซีรีย์สุดยอดมอเตอร์ไซค์จากBMW

Max Friz ก้าวเข้ามามีบทบาทกับมอเตอร์ไซค์ของBMW ในปี ค.ศ.1922 เมื่อ Martin Stolle วิศวกรผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการมอเตอร์ไซค์ของBMWขอลาออก หน้าที่ความรับผิดชอบ
ทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่Friz
โดยส่วนตัวแล้วFrizเองก็ไม่ค่อยมีความสนใจในเรื่องราวของมอเตอร์ไซด์ แต่เมื่อถูกลบเล้าจากเจ้านายให้ช่วยออกแบบมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่เพื่อเพิ่มทางรอดให้กับBMW Frizก็ไม่ทำให้นายผิดหวังด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมการออกแบบFriz ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถร่างพิมพ์เขียวของเจ้าR32 ต้นตระกูลของมอเตอร์ไซค์BMW Rซีรี่ย์
ที่โด่งดังข้ามยุคข้ามสมัยมาจนถึงปัจจุปัน และถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาตร์
ของวงการมอเตอร์ไซค์ครั้งมโหฬาร
R32เปิดตัวต่อสาธารณะชนครั้งแรกในงานปารีสคาร์โชว์เมื่อเดือนมิถุนายนค.ศ.1923มันใช้เครื่องยนต์ขนาด 2 ลูกสูบ ความจุ494 ซีซี คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 60ไมล์ต่อชั่วโมงโรงงานBMWได้ทำการผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นR32ออกจำหน่ายในระหว่างปีค.ศ.1923-1926รวม3,090คัน ถ้าจะมองให้ดีR32 ก็เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ในการสร้างสรรค์ที่สุดยอดของมษุนย์ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานมนุษย์อีกเช่นกันที่เป็นผู้ก่อกำเนิดกิจกรรมการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่อย่างสงครามโลกครั้งที่1และในขณะที่มนุษย์กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกจากBMWสงครามโลกครั้งที่2ก็กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ.... แล้วพบกันในตอนต่อไปสวัสดีครับ


วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557


honda C50



          honda c50 สภาพที่ทำแล้วแบบนี้ ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ราคา 20,000 แล้วมันก็จะมีซี 70 แบบที่มันยังไม่ได้ทำ เป็นสภาพเดิมๆ แบบที่เขาเรียกกันว่ารถบ้าน ตามภาษาพวกรถฮอนด้าด้วยกันเขาจะเรียกว่าสภาพรถแบบแห้งๆ หมายถึงแบบที่สีรถมันนานมาแล้วตั้งแต่สมัย 20-30 ปีที่แล้ว สีมันดูแห้งๆ ก็จะเริ่มตั้งแต่ราคา 5,000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท

          มันจะมีเหมือนเป็นออปชันในการขายรถ ว่ารถคันนี้ต่อทะเบียนมาแล้ว มีพ.ร.บ. ถ้ามอเตอร์ไซค์ที่ขายมี คนก็จะสนใจ เพราะเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปเสี่ยงเรื่องกฎหมายบ้านเมืองด้วย รถทำมาแล้วมีทะเบียนก็ราคาหนึ่ง ทำมาแล้วแต่ไม่มีทะเบียนมันก็จะอีกราคาหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ผ่านการทำหรือที่เรียกว่าบิลต์แล้ว จะสามารถวิ่งได้ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากทำเครื่องยนต์เสร็จก็จะเป็นขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งเปลี่ยนเบาะจากเบาะยาวเป็นเบาะคู่หรือเบาะเดี่ยวพร้อมตะแกรงท้ายรถ รวมทั้งการทำสีใหม่ด้วย

           บางคนชอบแต่งแบบอนุรักษ์ ก็จะทำสีเป็นโทนสีเดิมๆ คือสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของรถที่ออกมาในตอนนั้น แต่บางคนอาจจะไม่ชอบสีเดิมของรถก็จะมาทำเป็นสีที่เขาเรียกกันว่าสีเบจ คือออกเป็นสีนวลๆ สีครีม สีชมพูอ่อน แล้วก็มีอีกแบบหนึ่งคือ แนวแฟชั่น ที่ทำสีแรงๆ อย่างสีม่วง สีส้ม สีเขียวตองอ่อน แล้วก็จะมาใส่ล้อซี่ลวดที่เขาเรียกว่าขึ้นซี่ลวดถี่ แล้วใส่ยางขอบขาว อยู่ที่ไอเดียของแต่ละคนจะแต่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบิลต์รถเก่าให้ดูใหม่แต่ละครั้ง แบงก์บอกว่าจะตกประมาณ 15,000-20,000 บาท ทั้งการชุบ ขัดเงา ทำสี อะไหล่ภายในรถและอะไหล่ตกแต่งล้อ ฯลฯ





honda c50 มี 50 ซีซี. 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบหัวฉีด PGM-FI
รถ ซูเปอร์ คับ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก และยังคงมีการผลิตและจำหน่ายอย่างต่อเนื่องตลอด 50 ปี จากอดีตจนปัจจุบันใช้สะดวกกว่าเดิม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ที่สตาร์ทติดง่าย แต่ยังคงความอเนกประสงค์ ทนทาน และประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557


honda s90


ฮอนด้า s90 ถูกผลิตในประเทศญี่ปุ่นจาก 1964 1969 ' ' ยืนสำหรับซูเปอร์เป็นนี้คือที่เร็วที่สุด , รุ่น sportiest ในช่วงของ 90cc ฮอนด้าที่ผลิตในเวลาที่ อื่น ๆ 90cc ในจักรยานฮอนด้าเข้าแถวรวม ct90 cl90 cd90 , , และแน่นอน C90 . จักรยานทั้งหมดที่แบ่งปันกัน 90cc เครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่คล้ายคลึงกัน  
honda s90 เป็นรูปแบบกีฬาช่วง มันมีเครื่องยนต์สูบเดียว 90cc OHC 4 เกียร์คลัชคู่มือติดตั้ง เพื่อความเร็ว
กรอบเหล็กขึ้นรูปมากกว่าท่อเหล็กเพื่อลดน้ำหนัก และจักรยานที่ถูกติดตั้งด้วยส้อมด้านหน้า Telescopic สำหรับการปรับปรุงถนนถือ จักรยานอยู่ใน 8hp และอ้างว่าการล่องเรือที่ 60mph บน 18 " ขอบ ผลิตปี พ.ศ. 2507 - 2512


สูบระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องยนต์ OHC เดียวกับเกียร์ 4 ความเร็ว มันมี มือคลัช , และเปลี่ยนเป็น " 1 ลง 3 , " ด้วยความเป็นกลาง ในระหว่างนั้น ไม่มีมาตร แต่หน้าปัดแสดงความเร็วแต่ละช่วงเกียร์ ความเร็วสูงสุดอ้างว่า 64 mph และเครื่องยนต์อยู่ที่ 8 แรงม้า
เครื่องยนต์จัด quart น้ำมันและมีกรองน้ำมันแบบแรงเหวี่ยงภายใน และไอเสียมี baffle ที่ถอดออกได้ เป็นโลหะทรงกระบอกเบื้องหลังคาร์บูเรเตอร์จัดไส้กรองอากาศ เครื่องมือไปใต้ที่นั่งในช่องของตัวเอง 
กรอบเหล็กขึ้นรูปมากกว่าท่อเหล็กเพื่อลดน้ำหนัก และจักรยานที่ถูกติดตั้งด้วยส้อมด้านหน้า Telescopic สำหรับการปรับปรุงถนนถือ รถจักรยานยนต์ปิดถนนก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็น evidenced โดยแถบแคบจัดการถนนและยางรถยนต์ มันรวม ไม่มีอุปกรณ์สำหรับเดินทาง 90 ไมล์ต่อแกลลอน ( 38 km / l ) คือไม่ยากที่จะบรรลุ มี กำลังใจ ขี่ม้า
1964 Honda 90.jpg

รายละเอียด

ผู้ผลิต ฮอนด้า
เรียกว่า s90 ฮอนด้า , ฮอนด้า cs90 ฮอนด้า ฮอนด้า ซูเปอร์กีฬา 90 , 90 , ฮอนด้าบิลลี่ 90
การผลิต 1964-1969
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ 2-valve ว่าซีซี
คู่มือ 4 - ความเร็วในการส่ง
ด้านหน้าระงับ :
: สวิงอาร์มหลัง
ระบบเบรกด้านหน้าและด้านหลัง ขยายประเภทภายใน
ยางหน้าและหลัง 2.50-18 4 เส้น ,
ช่วงล้อ 1 มิลลิเมตร ( ตาม )
ขนาดผม 74.47in ( 1890mm )
W 25.61in ( 650mm )
H 38.61in ( 980mm )
ความจุเชื้อเพลิง 1.85 แกลลอน / 7 ลิตร

ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Honda_Sport_90
http://www.steves-workshop.co.uk/vehicles/hondas90/hondaintro/introduction.htm

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

vespa mp6 1945






เป็นงานงานออกแบบง่ายๆรถแกร่งๆ เศรษฐกิจ และสง่างาม มันต้องเป็น ซึ่งขับผ่านได้ง่าย โดยใครโดยไม่เลอะเสื้อผ้าของตน และมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร
d'ascanio , ที่ไม่ได้เป็นคนรักที่ยอดเยี่ยมของรถมอเตอร์ไซด์ เช่น วาดขึ้น รถเดิมสนิท
ขุดลงในพื้นหลังวิชาการของเขา เขามากับความคิดของรถที่ติดตั้งบนแชสซีด้วยเกียร์เปลี่ยนใน handlebars . เขายังใส่ไดรฟ์ที่ล้อหลัง ดังนั้นการสร้างล้อเดิมขอติดกลุ่มเครื่องยนต์ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแขน มองเหมือนมีเครื่องบินลงจอด เกียร์ เปลี่ยนล้อได้ง่ายขึ้น
นี่ต้นแบบ , mp6 ก็ไม่มีชื่อในกันยายน 1945 ถูกเสนอ Enrico Piaggio , ที่ , กล่าวว่า : " มันดูเหมือนว่าตัวต่อ ! "
การขาดงานของเครื่องยนต์ พัดลมระบายความร้อนเบรคคันโยกด้านซ้ายแทนที่จะเป็นขวา แตรใต้อานของแผ่นที่รองรับเท้าอลูมิเนียมกลึงและสัญลักษณ์เครื่องบินบนโล่ด้านหน้ามีความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง mp6 และรุ่นอนาคตของเวสป้า .

คุณสมบัติทางเทคนิค

เครื่องยนต์สูบเดียว 2 จังหวะ กับ ถังเหล็กและถังในโลหะผสมแสงหัว
เจาะ : 50 มม. - 50 มม. - เส้นการกระจัด : 98 cc
ความเร็วสูงสุด : 37.28 ไมล์ต่อชั่วโมง
ระงับ : ยืดหยุ่นกับเหล็กสปริงในล้อหน้าและแผ่นยางสำหรับล้อหลังและเครื่องยนต์
เบรค : กลอง