วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557


honda CB350


Honda CB350 4






ผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผมจะยังอยู่ที่ค่ายHondaนะครับ ซึ่งวันนี้ผมจะนำเจ้าHonda CB350มาReviewให้ท่านผู้ชมได้รับชมกันก่อนที่เราจะมาชมกัน ก่อนอื่นเลยผมต้องขออธิบายไว้ก่อนเลยนะครับสำหรับเจ้าHonda CB350ตัวนี้จะมีรุ่นที่แยกออกมาอีกซึ่งสำหรับรุ่นที่แยกออกมานั่นก็คือ รุ่นCB350S,รุ่นCB350Super Spot,CB350disc,CB350F,CB350F1Four นั่นเองครับซึ่งสองรุ่นหลังนี้จะเป็นตัวสี่สูบครับแต่cc.เท่าเดิม ซึ่งสเปคของรถนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากครับสำหรับภายใน จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนแค่ภายนอกเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมจึงจะนำเอาเจ้าCB350ตัวนี้มาReviewให้ได้รับชมส่วนประกอบภายในกันนะครับซึ่งถ้ารุ่นไหนแตกต่างออกไปเดี๋ยวผมจะอธิบายแบบง่ายๆให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นกันนะครับ เจ้าCB350ตัวนี้จะเป็นรถในช่วงปี1968-1986ครับ สำหรับความนิยมในรุ่นนี้จะอยู่ที่77%นั่นเองครับผม เอาหล่ะครับเรามาเริ่มReviewกันที่ระบบเครื่องยนต์ก่อนเลยดีกว่าครับ





ระบบเครื่องยนต์ของเจ้าCB350ตัวนี้จะเป็นเครื่องยนต์แบบ4จังหวะระบบSOHCครับ ตัวเครื่องจะใช้อากาศขณะขับขี่ในการระบายความร้อน เจ้าCB350ตัวนี้จะมีขนาดความจุของกระบอกสูบอยู่ที่325cc. มีลูกสูบทั้งหมด2ลูกแต่ละลูกมีขนาด64×50.6มิลลิเมตร เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังอัดได้ถึง9.5:1 สำหรับเจ้าCB350คันนี้จะใช้คาร์บูเรเตอร์รุ่นKeihinปากคาร์บูกว้าง22มิลลิเมตรจำนวน2ตัวคอยควบคุมการจ่ายน้ำมันและการดูดอากาศ เครื่องยนต์สองสูบตัวนี้สามารถสร้างแรงม้าได้36แรงม้าที่10500รอบ ซึ่งจะสามารถทำความเร็วได้165กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ102.5mph ขยับมาที่ระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์นั่นเองครับ ระบบเกียร์เจ้าCB350นี้จะเป็นเกียร์แบบ5-Speed ส่วนระบบคลัชก็จะเป็ฯระบบคลัชเปียกหรือคลัชน้ำมัน และสุดท้ายความจุของถังน้ำมัน ถังน้ำมันใบนี้สามารถจุได้ทั้งหมด10ลิตรนั่นเองครับผม

ระบบช่วงล่างของเจ้าHonda CB350คันนี้นะครับก็จะประกอบไปด้วยระบบโช๊คหน้ากันสะเทือนแบบTelescopic และโช๊คหลังสปริงแบบคู่ยึดกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกก็จะเป็นระบบดรัมเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยครับ ส่วนขนาดของล้อและยางของเจ้าCB350นี้นะครับ ล้อหน้าจะมีขนาด3.00×18และล้อหลังจะมีขนาด3.50×18ครับ ด้วยส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักรวมทิ้งสิ้น149กิโลกรัมนั่นเองครับ สำหรับเจ้าHonda CB350คันนี้นะครับที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วนะครับที่ว่ามันมีหลายรุ่น จริงๆแล้วตัวเครื่องมีส่วนประกอบต่างๆเหมือนกันทุกอย่างเลยครับจะมีแปลกหน่อยก็จะเป็นเจ้าตัว CB350F และเจ้า CB350F1Fourนั้นเองครับที่มีลูกสูบทั้งหมด4ลูกและขนาดของลูกสูบจะมีขนาดเล็กกว่าCB350รุ่นปกติครับส่วนเจ้าตัวCB350discชื่อก็บอกแล้วครับว่าเป็นรุ่นดิสเบรกแต่ไม่ใช้ดิสเบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังนะครับ มีแค่ดิสเบรกหน้าขนาด360มิลลิเมตรนั้นเองครับส่วนตัวอื่นก็ปกติครับเปลี่ยนเเค่รูปโฉมตัวรถเฉยๆเท่านั้นเอง หวังว่าวันนี้ท่านผู้อ่านคงจะได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับเจ้าHonda CB350กันมากขึ้นนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณที่มาติดตามรับชมกันนะครับผม


Honda CB350


Specifications of Honda CB350
Model Year – 1972
Engine
Engine – Air cooled, four stroke, twin cylinder SOHC
Capacity – 325
Compression Ratio – 9.5:1
Bore/stroke – 64 х 50.6 mm
Power – 36 hp @ 10500rpm
Top speed – 165.0 km/h (102.5 mph)
Carburetion – 2x Keihin 22 mm
Transmission – 5 Speed
Fuel capacity – 10 Litres
Suspension
Front Suspension –Telescopic forks
Rear Suspension – Dual chocks
Brakes – Front Drum,rear drum Except model CB 350 Disc,CB 350F Four,CB 350F1 Four,are Front Brakes is disc
Wheels – 3.00-18
Rear wheel – 3.50-18
Weight – 149 kg

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557



กำเนิดมอเตอร์ไซ BMW 



เมื่อพูดถึงสงคราม ความแค้นและมอเตอร์ไซค์ คำ3คำนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าเดินย้อนหลังกลับไปขุดคุ้ยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็จะรู้ว่ามนุษย์นั้นเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างแท้จริงเมื่อ98ปีก่อนผู้คนกว่า40ล้านคนต้องสังเวยชีวิตในสงครามโลกครั้งแรกซึ่งถือเป็นกิจกรรมแห่งการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ได้มอบไว้ให้กับโลกใบนี้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบนโลกครั้งใหญ่รวมไปถึงเรื่องราวของการพลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์ไซค์ไปตลอดการ

ชนวนเหตุสงครามโลก

จุดแตกหักเกิดขึ้นที่บอสเนีย 28 มิถุนายน ค.ศ 1914 เมื่อ กาวริล ปรินซิป (Gavrilo Princip)
นักศึกษาชาตินิยมหัวรุนแรงชาวเซอร์เบียเป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกโดยการลอบปลงพระชนม์ อาร์คดยุค ฟรานซิส เฟอร์ดินัล ( Archduke Francis Ferdinand)
มกุฎราชกุมารแห่ง ออสเตรีย-ฮังการี ความตึงเครียดเกิดขึ้นในระดับประเทศทันที อุณหภูมิแห่งไฟสงครามเริ่มคุกรุ่น และอีกเพียง1เดือนให้หลังการทำลายล้างก็เริ่มขึ้นออสเตรีย-ฮังการี ประกาศที่จะถอนรากถอนโคนเซอร์เบีย โดยมีชาติมหาอำนาจอย่างเยอรมันนีคอยหนุนหลัง ในนามของฝ่ายมหาอำนาจกลาง
รัสเซียซึ่งเคยผิดใจกับออสเตรีย-ฮังการีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วสบโอกาสที่จะชำระหนี้แค้นในอดีต
จึงกระโดดเข้าร่วมรบกับเซอร์เบียทันที พร้อมลากเอาพี่ใหญ่อย่างอังกฤษและฝรั่งเศลเข้ารวมวงด้วยในนามของฝ่ายสัมพันธมิตร ช่วงต้นของสงครามดูเหมือนฝ่ายเยอรมันจะชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้ได้มากกว่าแต่เหตุการณ์ ทั้งหมดกลับพลิกผันเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมสงคราม โดยการส่งกำลังทหารกว่า5 ล้านนายเข้าสนับสนุนการรบของฝ่ายสัมพันธมิตรการต่อสู้กินเวลายืดเยื้อยาวนาน
กว่า4ปี5เดือนจึงยุติลง ผลก็คือฝ่ายเยอรมันแพ้สงคราม และประกาศเซ็นสัญญาสงบศึก
ในวันที่ 11 พฤศจิการยน ค.ศ. 1918


กำเนิด BMW

7มีนาคมค.ศ.1917ทางตอนเหนือของเมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีโรงงานของBMW
ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินรบของกองทัพเยอรมัน 
แต่หลังจากที่เยอรมันแพ้สงครามโลก ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับ BMW
สนธิสัญญาแวร์ซายถูกล่างขึ้น โดยฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาในร่างสนธิสัญญาทำให้
เยอรมันต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อถูกบีบบังคับให้ต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลมิหนำซ้ำยังต้องเสียดินแดนในยุโรปอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รายละเอียดในร่างสนธิสัญญา
ยังห้ามมิให้เยอรมันทำการผลิตอาวุธยุทโธปกรใดๆที่ใช้ในการรบซึ่งข้อนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยตรง
กับBMWที่มีฐานอุตสาหกรรมหลักในการผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินรบของกองทัพเยอรมัน สภาพการของโรงงานBMWในขณะนั้นตกอยู่ในห้วงของศูนยากาศขาดรายได้ที่จะพยุงให้ธุระกิจ
อยู่รอดต่อไป
แต่เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าBMW จึงเดินหน้าแปรสภาพโรงงานที่เคยใช้ผลิตเครื่องยนต์
มาเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ออกขายเพื่อต่อลมหายใจให้กับตนเองแต่สถานการณ์กลับแย่ลงเมื่อยอดการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์มีน้อยมากจึงทำให้BMW ต้องปรับกลยุทธครั้งใหม่โดยการหันมา
ประดิษฐ์คิดค้นรถจักรยานแบบติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด1แรงม้าออกมาจำหน่าย
แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมอีกเช่นเคย


การมาของ Max Friz สุดยอดวิศวกรอัจฉริยะ
Max Friz วิศวกรหนุ่มจาก Daimler ก้าวเข้ามาที่ BMW โดยการชักนำของ 
Franz Joseph Popp (Technical Director) ของ BMWในขณะนั้น Friz ถูกแต่งตั้งให้เป็น 
Engine Disignerรับผิดชอบในการปรับปรุงเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของBMW ที่กำลังประสบปัญหาทั้งในเรื่องของการออกแบบและประสิทธิภาพการทำงานFrizได้เข้ามามี
บทบาทอย่างมากมายในการปรับปรุงระบบคาบูเรเตอร์ให้เครื่องยนต์จนทำให้เครื่องบิน
ที่ใช้เครื่องยนต์ของBMWสามารถทำการบินได้สูงถึงระดับ32000ฟิต ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติโลก
ที่เคยทำไว้อย่างราบคาบ


กำเนิด Rซีรีย์สุดยอดมอเตอร์ไซค์จากBMW

Max Friz ก้าวเข้ามามีบทบาทกับมอเตอร์ไซค์ของBMW ในปี ค.ศ.1922 เมื่อ Martin Stolle วิศวกรผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการมอเตอร์ไซค์ของBMWขอลาออก หน้าที่ความรับผิดชอบ
ทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่Friz
โดยส่วนตัวแล้วFrizเองก็ไม่ค่อยมีความสนใจในเรื่องราวของมอเตอร์ไซด์ แต่เมื่อถูกลบเล้าจากเจ้านายให้ช่วยออกแบบมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่เพื่อเพิ่มทางรอดให้กับBMW Frizก็ไม่ทำให้นายผิดหวังด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมการออกแบบFriz ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถร่างพิมพ์เขียวของเจ้าR32 ต้นตระกูลของมอเตอร์ไซค์BMW Rซีรี่ย์
ที่โด่งดังข้ามยุคข้ามสมัยมาจนถึงปัจจุปัน และถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาตร์
ของวงการมอเตอร์ไซค์ครั้งมโหฬาร
R32เปิดตัวต่อสาธารณะชนครั้งแรกในงานปารีสคาร์โชว์เมื่อเดือนมิถุนายนค.ศ.1923มันใช้เครื่องยนต์ขนาด 2 ลูกสูบ ความจุ494 ซีซี คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 60ไมล์ต่อชั่วโมงโรงงานBMWได้ทำการผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นR32ออกจำหน่ายในระหว่างปีค.ศ.1923-1926รวม3,090คัน ถ้าจะมองให้ดีR32 ก็เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ในการสร้างสรรค์ที่สุดยอดของมษุนย์ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานมนุษย์อีกเช่นกันที่เป็นผู้ก่อกำเนิดกิจกรรมการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่อย่างสงครามโลกครั้งที่1และในขณะที่มนุษย์กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกจากBMWสงครามโลกครั้งที่2ก็กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ.... แล้วพบกันในตอนต่อไปสวัสดีครับ